ยิงกระจาย จิ้งจอก-ไก่ เจอกันทีไร “สูงปี๊ด”
ยิงกระจาย จิ้งจอก-ไก่ เจอกันทีไร “สูงปี๊ด”
หลังจาก 18 ทีมในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้ลงสนามในนัดเปิดฤดูกาล 2024-2025 สัปดาห์แรกเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย เลสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ จะเป็น 2 ทีมสุดท้ายที่ลงสนามพบกันของสัปดาห์นี้
ศึกพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายของสัปดาห์แรกที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดียม จะเป็นการพบกันระหว่างจิ้งจอกสนาม เลสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพฤดูกาลที่แล้ว กับไก่เดือยทอง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ที่พลาดโอกาสไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างน่าเสียดาย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว ภายใต้การคุมทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู อดีตกุนซือของ เซลติก ที่ย้ายมารับหน้าที่ในปี 2023
ปอสเตโคกลู กุนซือชาวออสเตรเลี่ยนของสเปอร์สมีความมุ่งมั่นที่จะต่อยอดหลังจากทำได้เพียงจบอันดับที่ 5 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ในขณะที่ทีมจิ้งจอกสนามนั้นกำลังจะเริ่มต้นยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ สตีฟ คูเปอร์ อดีตผู้จัดการทีม น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่เข้ามาทำหน้าที่แทน เอนโซ มาเรสก้า ที่อำลาทีมไปคุมเชลซีหลังจบฤดูกาลที่แล้ว
เลสเตอร์อดีตแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล 2015-16 จะลงสนามโดยที่ไม่มี เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าตัวป่วนของทีมในเกมเปิดฤดูกาลนี้ รวมไปถึงการขาดกองหน้าอีกรายอย่าง แพทสัน ดาก้า ที่ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่ทางฝั่งของสเปอร์ส พวกเขาอาจมีโอกาสใช้งาน โดมินิก โซลันเก้ นักเตะใหม่ป้ายแดง ที่ถูกเซ็นสัญญาเป็นสถิติของสโมสร 65 ล้านยูโร โดย โซลันเก้ ซึ่งย้ายมาจาก บอร์นมัธ ยิงไป 19 ประตูให้กับทีมในฤดูกาลที่ผ่านมา และมีโอกาสที่จะยิงได้อีกมากมายในสีเสื้อของสเปอร์สที่เชี่ยวชาญด้านเกมบุก โดยเฉพาะเกมที่พวกเขาจะเจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้
การเผชิญหน้ากันระหว่างทั้ง 2 สโมสร มีสถิติที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก 5 นัดหลังสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2021 ที่ เลสเตอร์ พบกับ สเปอร์ส มีการยิงประตูเกิดขึ้นถึง 28 ประตู และถ้ามองไปถึงการทำประตูในการพบกันของทั้งสอง 20 นัดล่าสุด มีการผลิตประตูขึ้นมากที่สุดในบรรดาการประกบคู่ของทีมในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด โดยมีค่าเฉลี่ยมากถึง 3.76 ประตูต่อเกม และโดยภาพรวม พวกเขาทำประตูรวมกันทั้งหมด 128 ประตูจาก 34 นัดในลีกสูงสุดของอังกฤษนับตั้งแต่ปี 1992
เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นผู้ชนะในนัดล่าสุดที่พบกัน โดยชนะไป 4-1 ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดียมของพวกเขาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ในขณะที่การเผชิญหน้ากันก่อนหน้านั้น สเปอร์สเป็นฝ่ายถล่มเลสเตอร์ไปถึง 6-2 ที่สนามท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม โดยการแข่งขันพรีเมียร์ลีก 5 นัดล่าสุดระหว่างทั้งคู่ล้วนแต่มีประตูเกิดขึ้นเกิน 5 ลูก และพวกเขาไม่เคยจบเกมด้วยผลเสมอแบบไร้ประตูเลยนับตั้งแต่ปี 1948 ตั้งแต่ทั้ง 2 ทีมยังอยู่ในลีกดิวิชั่น 2
แม้ว่าทีมจิ้งจอกจะไม่สามารถทำประตูได้มากมายนักในช่วงท้ายของพรีซีซั่น แต่ทัพไก่เดือยทองของกุนซือ อังเก้ ปอสเตโคกลู ที่มีชื่อเสียงเรื่องเกมรุกสามารถยิงคู่แข่งไปได้ถึง 17 ประตูใน 6 เกมอุ่นเครื่องด้วยค่าเฉลี่ยเกือบ 3 ประตูต่อเกม โดยพวกเขามี ซน ฮึง-มิน เป็นกุญแจสำคัญของทีมในการทำประตู แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสเปอร์สจะยิงได้เป็นกอบเป็นกำ พวกเขาก็เสียอย่างน้อย 2 ประตูในเกมอุ่นเครื่องให้กับ วิสเซล โกเบ, บาเยิร์น มิวนิค และ ทีมเคลีก เช่นกัน ทำให้เป็นที่น่าสนใจว่าสถิติการทำประตูดังกล่าวจะเกิดขึ้นอีกกับสเปอร์สที่สามารถยิงประตูและเสียประตูในเวลาเดียวกัน รวมไปถึงสถิติที่พวกเขาเคยพบกับเลสเตอร์ที่ผ่านมา ก็จะมีส่วนอย่างยิ่งกับการเกิดประตูขึ้น
เป็นที่คาดการณ์ว่า ซน ฮึง-มิน จะลงไปสร้างสรรค์เกมรุกในด้านกราบซ้าย ในขณะที่ โซลันเก้ จะทำหน้าที่เป็นศูนย์หน้ากลางสนาม โดยที่ผ่านมา ซน มีส่วนร่วมโดยตรงกับ 13 ประตูในการพบกับเลสเตอร์ในศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งเขาเป็นผู้ยิงเอง 9 ประตูและแอสซิสต์อีก 4 ครั้ง และถ้านับ 3 นัดล่าสุดกองหน้าชาวเกาหลีใต้สามารถยิงได้ถึง 5 ประตูและแอสซิสต์อีก 1 ครั้ง โดยเขามีส่วนร่วมในการทำประตูมากที่สุดกับ เซาแธมป์ตัน ที่ 15 ประตู
ในอดีต แฮร์รี่ เคน ดาวซัลโวตลอดกาลของสเปอร์ส เคยมีผลงานที่โดดเด่นเมื่อพบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสถิติการทำได้ 20 ประตูใส่ทีมจิ้งจอก เป็นสถิติส่วนตัวที่มากที่สุดในการพบกับคู่แข่งทีมเดียว และถึงแม้ว่านัดนี้สเปอร์สจะไม่มี เคน ซึ่งย้ายไปเล่นที่ บาเยิร์น มิวนิค และเลสเตอร์จะไม่มี เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าจอมเก๋าวัย 37 ซึ่งยิงไป 20 ประตูในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่สถิติที่ร้อนแรงของ ซน ในการพบกับเลสเตอร์ และการเสริมกำลังในแนวรุกจาก โดมินิก โซลันเก้ กองหน้าคนใหม่ จะสร้างโอกาสให้สเปอร์สทำประตูได้ ร่วมไปถึงการป้องกันที่หละหลวมของสเปอร์สในช่วงหลังจะมีส่วนทำให้เกิดการยิงประตูมากขึ้นในนัดนี้
ดูกีฬาสดได้ที่ 👉 | GoalDaddy TV (gdgoal.tv)